การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์

การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์

การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์

         การทำสัญญาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic Commerce) โดยปัจจุบันมีการเพิ่มช่องทางให้สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการขึ้นของสัญญาออนไลน์อาทิการซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์นั้นทำ ได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องการเปิดหน้าร้านหรือการเดินทาง โดยประโยชน์ต่างๆเหล่านี้ก่อให้เกิดสัญญาออนไลน์มากขึ้น เมื่อพิเคราะห์จากสถิติของสำ นักงานสถิติแห่งชาติแล้ว สถิติการซื้อขายสินค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยนั้นมีผู้ประกอบธุรกิจขายให้กับผู้บริโภค(B2C) เพิ่มขึ้นจาก 99,706 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2554 เป็น 121,392 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2555 โดยประเทศไทยในปัจจุบันมีกฎหมายเฉพาะที่บัญญัติถึงธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ ที่ดําเนินการโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2554
(แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่2 พ.ศ. 2551) ซึ่งพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากกฎหมายแม่แบบว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ (The United Nations Commission on International Trade Law (UNCITRAL))
ร่วมกับนานาประเทศได้ร่างขึ้นเพื่อเป็นกฎหมายแม่แบบให้แต่ละประเทศนำ ไปร่างหรือออกกฎหมายภายในของประเทศตนเอง โดยหวังจะช่วยให้การพาณิชย์โดยการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ทั้งนี้เมื่อลักษณะการบังคับใช้ของกฎหมายแม่แบบว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นไปอย่างไม่มีข้อผูกพันใดๆและไม่จำต้องมีกระบวนการในการปรับบังคับใช้ของแต่ละประเทศ  ดังนั้นคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศจึงได้จัดทำอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการใช้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาระหว่างประเทศขึ้นมา จากกฎหมายแม่แบบฯ แต่ขอบเขตบังคับใช้จะแคบและเป็นไปในเชิงลึกกว่ากฎหมายแม่แบบฯ ที่สำคัญอนุสัญญาฯ ได้เปลี่ยนจากการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่อ“ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Data Message)”ในกฎหมายแม่แบบฯเป็น “การติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Communications)เพื่อให้ครอบคลุมถึงวิธีการใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพราะการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อนุสัญญาฯ ให้คำ นิยามไว้ว่าเป็น “การสื่อสารใดก็ตามที่คู่สัญญาได้ทำโดยรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์”

1.ลักษณะของการแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์ (การแสดงเจตนาทางออนไลน์)

     ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำ เนินชีวิตก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ของการแสดงเจตนานอกเหนือไปจากแบบเดิมที่คุ้นเคยกันในรูปของการแสดงเจตนาทางจดหมาย ทางโทรศัพท์หรือการพูดคุยเฉพาะหน้าแต่กลับกลายเป็นการแสดงเจตนาโดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นสื่อกลางซึ่งส่วนมากอยู่ในรูปแบบของการติดต่อกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเหตุที่ต้องพิจารณาถึงลักษณะการแสดงเจตนาคือเพื่อให้สามารถปรับใช้หลักในเรื่องนิติกรรมและสัญญาให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์หรือรูปแบบของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้นการพิจารณาในขั้นเริ่มแรกว่าการแสดงเจตนาออนไลน์ประเภทหนึ่งๆนั้นเป็นการแสดงเจตนาประเภทใดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

        1.1 กรณีการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Real Time ซึ่งจะปรากฏพบเห็นทั่วไปในรูปของ Skype , FaceTime หรือ Chat Room โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้

-กรณีแรก  Skype มีฟังก์ชันสำคัญที่เป็นจุดเด่นคือ สามารถพูดคุยผ่านการเชื่อมต่อของระบบอินเทอร์เน็ตในลักษณะเป็นการคุยแบบวิดีโอสามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคล
หรือสนทนาแบบกลุ่ม โดยผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ตโฟนคอมพิวเตอร์หรือแม้กระทั่งหน้าจอโทรทัศน์ โปรแกรมดังกล่าวจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่บุคคลที่ต้องการจะติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นที่อยู่ต่างประเทศเพราะไม่เสียค่าบริการหากพูดคุยติดต่อผ่านโปรแกรม Skype
การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์

-กรณีสอง  FaceTime โดยแอปพลิเคชัน FaceTime นี้เปิดโอกาสให้สามารถสนทนากันระหว่างอุปกรณ์ใน Apple  ไม่ว่าจะเป็น Iphone หรือ Ipad ด้วยกัน ในรูปแบบที่สามารถเห็นหน้าคู่สนทนาและบรรยากาศสถานที่ต่างๆผ่านทางกล้องหน้าและกล้องหลังของโทรศัพท์ดังกล่าวได้หากมีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต
-กรณีสาม Chat Room กรณีที่มีการติดต่อสื่อสารสนทนาทางเว็บไซต์ได้ทันทีโดยเมื่อมีการ
กดส่งความความแล้ว ข้อความนั้นสามารถปรากฏขึ้นใน Chat Room ทันทีกับที่มีการกดส่ง และผู้อื่นที่ออนไลน์อยู่ในห้อง Chat Room นั้นสามารถเห็นข้อความขึ้นมาทันที
     
        การแสดงเจตนาในรูปของ Skype, Facetime หรือ Chat Room จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเด่นที่เหมือนกันคือสามารถแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์ในเวลาปัจจุบันที่เกิดขึ้นจริงได้โดยผู้รับการแสดงเจตนาสามารถรับการแสดงเจตนาได้ทันทีเสมือนว่าแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้า
       จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจึงสรุปได้ว่าการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Real Time ในรูปแบบของ Skype, FaceTime และ Chat Room สามารถปรับใช้กับหลักการแสดงเจตนาต่อบุคคลเฉพาะหน้าและถือว่าการแสดงเจตนานั้นมีผลนับแต่ผู้รับการแสดงเจตนาได้ทราบการแสดงเจตนา

      1.2 กรณีการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Non-Real Time การแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Non-RealTime 

การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์

การเเสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Non-RealTime นั้นผู้รับการแสดงเจตนาจะไม่ได้รับการแสดงเจตนาทันทีในเวลาจริงกับที่ผู้แสดงเจตนาได้แสดงออกไป โดยตัวอย่างที่สำคัญของการแสดงเจตนาประเภทนี้คือการแสดงเจตนาทาง E-mail , Line Message, Facebook Message แต่ทั้งนี้กรณีของ Line Message และ Facebook Message จะต้องยึดหลักสำคัญประการหนึ่งก่อนคือ หากผู้รับการแสดงเจตนาสามารถรับการแสดง เจตนาดังกล่าวได้ทันทีก็จะกลับไปสู่หลักกฎหมายในรูปแบบของการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ RealTimeโดยจะวิเคราะห์ถึงความแตกต่างโดยละเอียดต่อไปในรูปแบบต่างๆดังนี้
-กรณีแรก การแสดงเจตนาผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่าElectronic Mail โดยอีเมลนี้เป็นการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ทั้งนี้อีเมลสามารถแนบ รูปภาพ เพลง คลิปวิดิโอ หรือไฟล์ข้อมูลต่างๆส่งไปพร้อมกับข้อความได้ จึงนับได้ว่าอีเมลมีความสำคัญและใช้กันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
-กรณีสอง Line โดยโปรแกรมนี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางมากในทุกๆวัยเพราะนอกจากจะส่งข้อความหากันระหว่างบุคคล หรือกลุ่มบุคคลได้แล้วยังสามารถส่งรูปถ่าย คลิปเสียงคลิปวิดิโอ ที่สำคัญยังมีการส่งตัวการ์ตูนที่แสดงอาการท่าทางต่างๆ ที่เรียกกันว่าสติ๊กเกอร์(Sticker) หากันได้
-กรณีสาม การแสดงเจตนาผ่าน Facebook  Message โดย Facebook Message นี้เป็นฟังก์ชันหนึ่งของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของโลกประเภทหนึ่งชื่อ Facebook
โดย Facebook Message นั้นเป็นกรณีที่ผู้มีบัญชีFacebook ส่งข้อความไปหาอีกบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มบุคคลที่มีบัญชีFacebook ที่เรียกกันว่าเป็นเพื่อนหรือบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าของบัญชีแต่เป็นผู้ที่มีบัญชีอยู่ในระบบ Facebook ก็ได้โดยการส่งข้อความหากันนั้นอาจแนบรูปภาพหรือไฟล์ข้อมูล หรืออาจส่งตัวการ์ตูนแสดงอารมณ์ต่างๆแทนข้อความได้
        การแสดงเจตนาผ่านโปรแกรมทั้ง3 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น E-mail , Line Messageหรือ Facebook Message นั้นเป็นการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Non-RealTimeเนื่องจากผู้รับการแสดงเจตนาจะต้องเปิดบัญชี E-mail , Line หรือFacebook ของตนขึ้นมาก่อนจึงจะสามารถรับการแสดงเจตนานั้นได้ทั้งนี้การแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบNon-Real Time ก็ไม่ได้มีการบัญญัติขึ้นในพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าเป็นการแสดงเจตนาประเภทใดดังนั้นการที่จะทราบว่าผู้รับการแสดงเจตนานั้นได้รับการแสดงเจตนาดังกล่าวเมื่อใดจึงต้องพิจารณาจากหลักกฎหมายที่ปรากฏในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เช่นกัน

       ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการแสดงเจตนาผ่านสื่อออนไลน์แบบ Non-Real Time นับว่าเป็นการแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งไม่ได้อยู่เฉพาะหน้า หรือที่อาจเรียกว่าการแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทาง เนื่องจากผู้แสดงเจตนาและผู้รับการแสดงเจตนานั้นเมื่อจะติดต่อสื่อสารแสดงเจตนากันจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงจะทำความเข้าใจได้ ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจว่าผู้แสดงเจตนาไม่จำ เป็นต้องอยู่ห่างไกลกันโดยระยะทางจริงๆกับผู้รับการแสดงเจตนา เพียงแต่การที่ผู้แสดงเจตนาและผู้รับการแสดงเจตนาไม่สามารถทำความเข้าใจเจตนานั้นกันได้ทันทีโดยการแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งไม่ได้อยู่เฉพาะหน้าตามมาตรา 169 นื้กฎหมายให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้น “ไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา” ซึ่งเป็นไปตามหลัก “ได้รับ” โดยสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องให้ความระมัดระวังคือ กฎหมายใช้คำว่า “ไปถึง” ดังนั้นเมื่อการแสดงเจตนาได้ส่งไปถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งผลของการแสดงเจตนานั้นก็มีผลขึ้นทันทีโดยไม่ต้องไปพิจารณาว่าบุคคลที่ต้องการแสดงเจตนาไปถึงนั้น จะได้อ่าน ดูหรือรู้เห็นการแสดงเจตนาดังกล่าวหรือไม่ กล่าวคือไม่ใช่ว่าผู้รับการแสดงเจตนานั้นต้องรู้ขอเพียงการแสดงเจตนาที่ส่งไปอยู่ในอำ นาจของผู้รับการแสดงเจตนาที่จะทราบได้หรือการแสดงเจตนาที่ส่งไปนั้นอยู่ในลักษณะสภาพ หรือพฤติการณ์ที่ผู้รับอาจทราบได้ถึงการแสดงเจตนานั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น